วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แหล่งรายได้จากต้นไผ่

รายได้จากการปลูกไผ่ซางหม่น
    
ช่วงที่ 1  เมื่ออายุ 1 ปี  สามารถทำการขยายพันธุ์ต้นตอขาย ได้




ช่วงที่ 2  เมื่ออายุครบ 2-3 ปี  สามารถตัดหน่อไปขาย และหน่อสามารถประกอบอาหารได้หลายประเภท เช่น ต้มจืด  ผัด  ต้มจิ้มน้ำพริก  รสชาติอร่อย  เนื่องจากหน่อไม้ไผ่ซางหม่นจะไม่มีรสขม


ช่วงที่ 3  เมื่ออายุครบ 4 ปี สามารถตัดลำขายได้  ลำละ 100-300 บาท  



จำหน่ายกล้าไผ่ซางหม่นคุณภาพดี ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนที่สั่ง


085-0418718    คุณสาคร      
081-4907103    คุณชาญยุทธ

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิธีเพาะเมล็ด

วิธีเพาะเมล็ดไผ่ (สามารถใช้กับไผ่ได้ทุกชนิด)




โรงเรือนควบคุมสภาพแวดล้อม
                       เรือนกระจก (Green House) หมายถึง เรือนต้นไม้ที่สร้างขึ้นอย่างมิดชิด ด้ายฝาหรือหลังคาเป็นกระจกทั้งหมด เพื่อให้แสงสว่างลอดผ่านได้ หลังคาโดยทั่วไปจะใช้กระจกฝ้า เพื่อลดแสงแดดที่จ้าเกินไปให้น้อยลง ด้านข้างอาจก่ออิฐเป็นกำแพงคอนกรีต เพื่อลดค่าใช้จ่ายลง ภายในเรือนกระจกสามารถควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และการระบายอากาศ เรือนกระจกเป็นเรือนต้นไม้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับชนิดของพืช ซึ่งมีทั้งพืชเมืองร้อนและเมืองหนาว พืชแต่ละชนิดต้องการอุณหภูมิเพื่อการเจริญเติบโตที่แตกต่างกัน จึงต้องมีเรือนกระจกไว้ขยายพันธุ์และเลี้ยงพันธุ์ไม้ อุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ในเรือนกระจก ได้แก่ เครื่องทำความร้อน พัดลงระบายอากาศและเครื่องฉีดน้ำ อุปกรณ์ที่ใช้ในเรือนกระจกจะต้องมีความพิถีพิถัน ดังนั้น การสร้างเรือนต้นไม้ประเภทนี้จึงต้องลงทุนสูงมาก จึงไม่เป็นที่นิยมเพราะได้ผลตอบแทนไม่คุ้มกับการลงทุน ส่วนมากสร้างขึ้นเพื่อการผลิตเมล็ดพันธุ์ หรือเพื่อการศึกษาค้นคว้า 


แบบของเรือนกระจก เรือนกระจกแบบต่าง ๆ ได้แก่ (1) แบบเพิง (lean-to) และ (2) แบบหน้าจั่ว (even-span) เรือนกระจกแบบเพิงมีหลังคาลาดด้านเดียว เรือนแบบนี้มักปลูกทางด้านใต้หรือตะวันออกของกำแพงหรือเรือนสำหรับปลูกพืช หรือปลูกทางด้านเหนือของกำแพงหรือเรือนสำหรับออกรากของกิ่งตัดชำ เรือนแบบหน้าจั่วมีหลังคาลาดลง ทั้งสองด้าน มีความกว้างและความลาดชันเท่ากัน ซึ่งอาจจะลาดอยู่ในแนวเหนือ-ใต้ หรือตะวันออก ตะวันตกก็ได้ ในสองแบบนี้ นิยมใช้แบบหน้าจั่วกันมากกว่าเรือนกระจกแบบนี้ อาจสร้างหลังเดียวโดด ๆ หรือแยกจากเรือนที่อยู่ข้างเคียงที่เรียกว่าเรือนเดี่ยว (detached house) หรืออาจจะสร้างสองหลังหรือมากกว่าสองหลัง และมีรางน้ำเชื่อมติดกันเรียกว่า เรือนพ่วง (ridge and furrow house) เรือนเดี่ยวทำให้ระบายอากาศและรับแสงได้มากกว่า แต่ด้วยเหตุที่มีเนื้อที่กระจกมากกว่า จึงทำให้เรือนเดี่ยวสูญเสียความร้อนเป็นปัจจัยที่สำคัญในระหว่างฤดูหนาวไปมากกว่าส่วนเรือนพ่วง


ซ่อมแซมได้ลำบากกว่าและมักจะเก็บกักหิมะในภูมิอากาศของภาคเหนือไว้ในปริมาณมากเกินไป โดยทั่วไป เรือนเดี่ยวใช้ผลิตพืชผลหลายชนิดซึ่งต้องการอุณหภูมิแตกต่างกันหลายอย่างไปพร้อม ๆ กัน ส่วนเรือนพ่วงใช้เฉพาะผลิตพืชผลหลายอย่างซึ่งต้องการอุณหภูมิเหมือนกันโดยปลูกไปพร้อม ๆ กัน 


การตั้งอุณหภูมิและการระบายอากาศโดยทั่วไป จะตั้งอุณหภูมิในเวลากลางคืนที่ 60 ํ F (11.5 ํC) ของอุณหภูมิลดลงถึงระดับสูงขึ้น Heater Thermostat จะเริ่มทำงานให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น และเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 70 ํ F (24 ํC) Cooling thermostat 


วิธีเพาะเมล็ดไผ่ (สามารถใช้กับไผ่ได้ทุกชนิด)


การเพาะเมล็ด


ไผ่เมื่อหมดอายุขัยจะออกดอกและตาย ปกติไผ่จะเริ่มออกดอกในเดือนพฤศจิกายน-มกราคม เมล็ดไผ่จะเริ่มแก่และร่วงหล่นประมาณเดือน มีนาคม-เมษายน เกษตรกรสามารถนำเมล็ดไผ่ที่ได้ไปทำการเพาะต่อไปโดยวิธีการดังนี้


การเก็บเมล็ดพันธุ์ 


- เมล็ดไผ่เมื่อแก่จัดจะร่วงลงพื้น เกษตรกรควรทำความสะอาดหรือถางโคนต้นให้เตียน เพื่อความสะดวกในการรวบรวมเมล็ดไผ่ หรือใช้วัสดุหรือตาข่ายรองรับเมล็ดพันธุ์ไผ่ กรณีเขย่าต้นให้เมล็ดร่วงจากต้น


- รวบรวม เมล็ดพันธุ์ไผ่ที่ได้ ทำการฝัดด้วยกระด้งก็จะได้เมล็ดที่สมบูรณ์


- นำเมล็ดที่สมบูรณ์มาขัด นวดเอาเปลือกออกโดยใช้พื้นรองเท้าแตะฟองน้ำ ขัดนวดเมล็ดบนกระด้ง และฝัดเอาเปลือกออก


- นำเมล็ดไผ่ที่ได้ไปผึ่งแดด ประมาณ 1 แดด ก็สามารถนำไปเพาะได้ เพื่อป้องกันแมลงและไม่ควรเก็บเมล็ดไว้เกิน 1 เดือน เพราะจะทำให้เปอร์เซ็นต์ความงอกลดลง


วิธีการเพาะกล้าไผ่


- เมล็ดไผ่ที่จะเพาะควรขัดเอาเปลือกนอกออกก่อนถ้าเพาะทั้งเปลือกนอกเมล็ดจะงอกช้าและเติบโตไม่สม่ำเสมอ


- นำเมล็ดไปแช่น้ำ 2 คืน หรือแช่เมล็ดด้วยน้ำอุ่นประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วแช่น้ำอีก 1 คืน


- นำเมล็ดขึ้นจากน้ำ แล้วห่อหุ้มเมล็ดด้วยผ้ารดน้ำให้ชื้นอยู่เสมอประมาณ 2 คืน เมล็ดจะเริ่มงอก


- นำเมล็ดที่เริ่มงอกไปลงแปลงเพาะที่มีขี้เถ้าแกลบผสมดินและทรายรองพื้นหนาประมาณ 4 นิ้ว หว่านเมล็ดแล้วกลบด้วยดินหนาประมาณ 1 ซม. คลุมแปลงด้วยวัดสุคลุมดิน เช่น หญ้าแห้ง และฟางข้าว


- ทำการย้ายกล้า ภายหลังจากการเพาะลงแปลงแล้วประมาณ 15 วัน ซึ่งต้นกล้าไผ่ตงจะมีความสูงประมาณ 2-3 นิ้ว ย้ายกล้าที่แข็งแรงลงถุงเพาะและอนุบาลไว้ในเรือนเพาะชำ หรือในที่ร่มรำไร ประมาณ 6-8 เดือน ก็นำไปปลูกต่อไป 


วิธีการเพาะเมล็ดไผ่บงหวาน


เริ่มจากเก็บเมล็ดไผ่บงหวานที่แก่จัด เพาะในกะบะเพาะ โดยมีวัสดุเล็กละเอียด เก็บความชื้นได้ดี รดน้ำทุกวัน แต่อย่าให้แฉะ ราว 7-10 วัน เมล็ดจะ เริ่มงอก จากนั้น 3-4 สัปดาห์ ย้ายกล้าลงชำในถุงพลาสติกที่เตรียมไว้ รดน้ำ อย่างสม่ำเสมอ เมื่อต้นแข็งแรงและสามารถดูแลทั่วถึงก็นำลงปลูกได้ หรืออาจจะใช้เวลาเตรียมต้น 6-12 เดือน จึงนำออกเผยแพร่ ทั้งนี้ ให้ แน่ใจว่านำไปปลูกลงแปลงแล้ว เปอร์เซ็นต์รอดมีมาก


วิธีการตอนกิ่งไผ่


หัวข้อนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ภาพเป็นสื่ออธิบายเสียมากกว่านะครับ เพราะผมไม่มีประสบการณ์ เนื่องจากได้ทดลองค้นหา "การตอนกิ่งไผ่" หรือ "วิธีตอนกิ่งไผ่" จากอินเทอร์เน็ตแล้ว ปรากฎว่า "ไม่เจอ" เลยจำต้องมาเขียนไว้ในหัวข้อนี้ เพื่อเป็นความรู้สำหรับสมาชิกที่ต้องการจะนำไปต่อยอด หรือ ขยายพันธุ์ไผ่ของตัวเอง หากสมาิชิกท่านใดเห็นว่ามีข้อบกพร่อง ก็ช่วยๆ กันแนะนำเพิ่มเติมได้ ผมคิดเองคนเดียว คงมีจุดบกพร่องเยอะเหมือนกัน


สำหรับวัสดุและอุปกรณ์ในการตอนกิ่งไผ่ 


1. ขุยมะพร้าว


2. ถุงพลาสติก ขนาด 3x5 หรือ ตามขนาดของกิ่งไผ่


3. เชือกฟาก หรือ ด้าย หรือ ตอก หรือ ตัวรัด (เหมือนในภาพ)


4. มีดพร้า หรือ ขวานเล็กๆ สำหรับการผ่าตากิ่งไผ่


วิธีตอนกิ่งไผ่ 


1. นำขุยมะพร้าวแช่น้ำไว้ให้ชุ่ม หรือจะแช่ไว้สักคืนหนึ่งก็ได้นะครับ


2. นำขุยมะพร้าวใส่ถุงพลาสติก (ดังภาพ) รัดปากให้แน่นด้วยหนังยางหรือเชือกฟาง


3. ใช้มีดผ่าครึ่งถุงพลาสติก เพื่อเปิดช่องไว้สำหรับทางกิ่งไผ่


4. ใช้มีดผ่ากิ่งไผ่ จากด้านบนลงสู่ด้านล่าง อย่าให้ขาดนะครับ ให้เหลือเปลือกไผ่บางๆ ติดกับลำต้นไว้


5. นำถุงพลาสติกห่อขุยมะพร้าวที่เตรียมไว้หุ้มกิ่งไผ่ส่วนโคนที่ถูกผ่าออก แล้วมัดด้วยเชือกฟาง หรือ สายรัด ผูกแน่นติดกับลำไผ่


6. เมื่อรากของกิ่งไผ่ออกเต็มแล้ว ก็ให้ตัดกิ่งลงมาเตรียมเพาะชำ โดยให้เหลือปล้องไว้ 2-3 ปล้องครับ


เทคนิคการตอนกิ่งไผ่


1. ถ้าต้องการให้รากของกิ่งไผ่ออกเร็วๆ ไม่ควรเหลือเปลือกไผ่ส่วนที่ติดกับลำต้นไม้ให้มากเกินไป ควรเหลือไว้นิดเดียว


2. หากไม่ต้องการให้รากของไผ่ออกเร็ว ก็ไม่ต้องทำตามแบบข้อ 1 


การเลือกกิ่งไผ่ที่จะตอน ต้องเลือก 

http://www.kroobannok.com/view.php?article_id=15896&page=3


1. ชื่อ ไผ่รวก
2. ชื่ออื่น ตีโย ไผ่รวก ไม้รวก รวก (ภาคกลาง) ฮวก (ภาคเหนือ) ว่าบอบอ แวปั่ง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) แวบ้าง (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่) สะลอม (ซาน-แม่ฮ่องสอน)
3. ชื่อวิทยาศาสตร์ Thysostachys siamensis Gamble. และมีชื่อพ้องทางพฤกษศาสตร์คือBambusa siamensis Kurz และ B.regia Thoms.
4. วงศ์ GRAMINEAE
5. ชื่อสามัญ -
6. แหล่งที่พบ ภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก
7. ประเภทไม้ ไม้ไผ่
8. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น ไม้ไผ่ขึ้นเป็นก่อแน่นลำสูง 7-15 เมตร ลำตรง เปลา มีกิ่งเรียวเล็กๆ ตอนปลายๆ ลำส่วนมากจะโต มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-6 ซม. ค่อนข้างเรียบมีวงใต้ข้อสีขาว ธรรมดากาบหุ้มลำต้นอยู่นาน ลำมีสีเขียว อมเทาปล้องยาว 15-30 ซม. โดยปกติเนื้อหนา ส่วนโคนมีเนื้อหนาเกือบตัน
กาบหุ้มลำต้น ยาว 22-28 ซม. กว้าง 11-20 ซม. กาบมักติดต้นอยู่นานสีฟางบางอ่อน ด้านหลังปกคลุมด้วยขนอ่อนสีขาวมีร่องเป็นแนวเล็กๆ สอบเล็กน้อยขึ้นไปหาปลายซึ่งเป็นรูปที่ตัดกับลูกคลื่น ครีบกาบมีรูปสามเหลี่ยมอาจจะเห็นไม่ชัดก็ได้หรือเล็กมาก กระจังกาบมีเล็กน้อยและหยักไม่สม่ำเสมอ มีขนละเอียดเล็กน้อยใบยอดกาบ 10-12 ซม. เป็นรูปสามเหลี่ยม มุมแหลมยาวและแคบ ขอบงอโค้งเข้า ใบ รูปใบจะเป็นรูป (linear – lanceolate) ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเกือบกลมผิวใบทั้งสองด้านไม่มีขนกว้าง 0.6-1.2 ซม. เส้นลายใบมี 3-5 (ข้างละ) ขอบใบคายคม ก้านใบสั้นยาวประมาณ 2 มม. ครีบหรือหูใบไม่มี กระจังใบเรียว ขอบเรียบสั้น กาบหุ้มใบข้างนอกไม่มีขนหรือมีขนอ่อนสีขาวปกคลุม ปลายตัดหรือป้านไม่มีขนแต่พองโตกว่าส่วนอื่นบ้าง
9. ส่วนที่ใช้บริโภค หน่ออ่อน
10. การขยายพันธุ์ การแยกหน่อหรือเหง้า การใช้กิ่งหรือลำปักชำ การปักกิ่งแขนง
11. สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ชอบขึ้นในที่สูงบนภูเขาหรือเนินสูง อากาศร้อนไม่ชอบน้ำขังหรือขึ้นในที่ แห้งแล้งได้ ชอบดินระบายน้ำดี
12. ฤดูกาลที่ใช้ประโยชน์ ฤดูฝน เดือนมิถุนายน –กันยายน
13. คุณค่าทางอาหาร คุณค่าทางอาหารในส่วนที่รับประทานได้ 100 กรัม ประกอบด้วย
CalMoist ureProteinFatCHOFibreAsh .CaPFe A.I.UB1 B2NiacinC
Unit%Gm.Gm.Gm.Gm.Gmmg.mg.mg.mg.mg.mg.mg.
หน่อเผา3390.43.50.34.10.7-14420.2-----
หน่อต้ม2493.22.50.42.50.8-1240--0.010.08--

14. การปรุงอาหาร หน่อไม้นำมาต้มให้สุกก่อน รับประทานเป็นผักร่วมกับน้ำพริก หรือนำไปปรุงอาหาร เช่น แกงจืด แกงเผ็ด แกงคั่ว แกงเขียวหวาน ผัดกับไข่ ผัดเผ็ด หน่อไม้เผาให้สุก นำไปทำ ซุปหน่อไม้ หรือนำไปถนอมอาหารไว้รับประทานนอกฤดู เช่น หน่อไม้ดอง หน่อไม้ปี๊บ หน่อไม้ตากแห้ง
15. ลักษณะพิเศษ หน่อไม้ มีรสหวาน
16. ข้อควรระวัง -
17. เอกสารอ้างอิง
คณะอนุกรรมการประสานงานวิจัยและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้และไม้โตเร็วอเนกประสงค์. 2540. ไม้อเนกประสงค์ กินได้ 486 หน้า.
เต็ม สมิตินันทน์. 2523. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (ชื่อพฤกษศาสตร์-ชื่อพื้นเมือง). กรมป่าไม้ 379 หน้า.
รุ่งนภา พัฒนวิบูลย์ และคณะ. กลุ่มงานวิจัยไผ่-หวาย กรมป่าไม้. 2540. ไม้ไผ่ 44 หน้า.
กิ่งที่ไม่อ่อนหรือไม่แก่จนเกินไป  เหมือนๆ กับการตอนไม้อื่นๆ ทั่วไป 
เมื่อเสร็จขั้นตอนแล้ว  ก็ใช้เชือกฟางมัดติดกับลำต้น  หรือลำไผ่ไว้ให้แน่น  อย่าให้หลุดก่อนนะ  เดี๋ยวจะฉีกหมด  ถ้ากิ่งไผ่ปักกิ่ง 

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิธีขยายพันธ์ไผ่


วิธีขยายพันธุ์ไผ่ซางหม่น


รายละเอียด
มีวิธีการตอนไผ่มาบอก
ระยะนี้เกษตรกรสนใจการปลูกไผ่กินหน่อกันมาก มีการพูดคุยกันบ่อยๆ อาจจะเป็นเพราะ ไผ่ปลูกง่าย อายุยืน ผลผลิตขายได้ตลอดปี หรือเพราะ..เป็นพืชอาหารที่ปลอดภัยจากสารพิษ สำหรับพันธุ์ที่สนใจกันมากได้แก่ ไผ่ตงลืมแล้ง เพราะเห็นมีการปลูกในพื้นที่แล้วมีหน่อตลอดปี หน่อรสชาติดี จึงเกิดเวทีแลกเปลี่ยนกันบ่อย โดยเฉพาะการขยายพันธุ์ มีหลายวิธีที่เล่าสู่กันฟัง ซึ่งรวมๆแล้วก็มีที่ได้ผลเช่น วิธีแยกเหง้าหรือหน่อ การปักชำกิ่งแขนง การปักชำข้อติดแขนง เลยแนะนำเพิ่มอีกวิธีหนึ่งคือ การตอนกื่งแขนง

 วิธีการตอนกิ่งแขนงไผ่

1.เลือกกิ่งแขนงที่สมบูรณ์ ตัดแต่งกิ่งเล็กๆข้างออกเพื่อสะดวกในการหุ้ม

2.ใช้มีดฟันกิ่งแขนงเบาๆ แล้วดีงให้กิ่งให้ฉีกออก โดยให้มีเนื้อไม้(ผิวไม้เหลืออยู่) ดึงออกจากข้อ ดึงลง ข้างล่างประมาณ 1 คืบ

3.ใช้ขุยมะพร้าวชุ่มน้ำใส่ถุงพลาสติก หุ้มโคนแขนง ..เหมือนการตอนกิ่งทั่วไป แล้วผูกให้แน่น

4.ใช้เวลา 20-25 วัน จะมีรากออกมา รอให้รากแก่แล้วตัดไปชำในถุง เมื่อแข็งแรงแล้วนำไปปลูกได้เลย

วิธีตอนกิ่งไผ่
1. นำขุยมะพร้าวแช่น้ำไว้ให้ชุ่ม หรือจะแช่ไว้สักคืนหนึ่งก็ได้นะครับ
2. นำขุยมะพร้าวใส่ถุงพลาสติก (ดังภาพ) รัดปากให้แน่นด้วยหนังยางหรือเชือกฟาง
3. ใช้มีดผ่าครึ่งถุงพลาสติก เพื่อเปิดช่องไว้สำหรับทางกิ่งไผ่
4. ใช้มีดผ่ากิ่งไผ่ จากด้านบนลงสู่ด้านล่าง อย่าให้ขาดนะครับ ให้เหลือเปลือกไผ่บางๆ ติดกับลำต้นไว้
5. นำถุงพลาสติกห่อขุยมะพร้าวที่เตรียมไว้หุ้มกิ่งไผ่ส่วนโคนที่ถูกผ่าออก แล้วมัดด้วยเชือกฟาง หรือ สายรัด ผูกแน่นติดกับลำไผ่
6. เมื่อรากของกิ่งไผ่ออกเต็มแล้ว ก็ให้ตัดกิ่งลงมาเตรียมเพาะชำ โดยให้เหลือปล้องไว้ 2-3 ปล้องครับ

เทคนิคการตอนกิ่งไผ่
1.หากต้องการให้รากของกิ่งไผ่ออกเร็วๆ เปลือกไผ่ส่วนที่ติดกับลำต้นไม้ควรให้เหลือมากเกินไป ควรเหลือไว้นิดเดียว
2. หากไม่ต้องการให้รากของไผ่ออกเร็ว ก็ไม่ต้องทำตามแบบข้อ 1

การเลือกกิ่งไผ่ที่จะตอน ต้องเลือกกิ่งที่ไม่อ่อนหรือไม่แก่จนเกินไป เหมือนๆ กับการตอนไม้อื่นๆ ทั่วไป

เมื่อเสร็จขั้นตอนแล้ว ก็ใช้เชือกฟางมัดติดกับลำต้น หรือลำไผ่ไว้ให้แน่น อย่าให้หลุดก่อนนะ เดี๋ยวจะฉีกหมด ถ้ากิ่งไผ่ปักกิ่ง


กิ่งแขนง คือกิ่งที่แตกจากตาบริเวณข้อต่อของลำไผ่ ความสำเร็จของการตอนกิ่งแขนงขึ้นอยู่กับการเลือกกิ่งแขนงและฤดูที่จะตอนด้วย ฤดูที่เหมาะในการตอนกิ่งแขนงของ ไผ่ตงลืมแล้ง คือ ปลายฤดูฝนช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีกิ่งแขนงมาก 

                การเลือกกิ่งแขนงควรเลือกกิ่งที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้วถึงนิ้วครึ่ง(ไม่แก่ไม่อ่อน) ที่มีรากอากาศเป็นสีน้ำตาลหรือน้ำตาลอมเหลือง และใบที่ยอดคลี่แล้ว กาบหุ้มตาหลุดหมด อายุของกิ่งแขนงอย่างน้อยต้องมีอายุ 4-6 เดือน ถ้าค้างปียิ่งดี เมื่อเลือกกิ่งแขนงได้ตามความต้องการแล้ว ให้ใช้เลื่อยโค้งเลื่อยตรงกลางระหว่างกิ่งแขนงกับลำไผ่ เลื่อยไปจนกิ่งแขนงเกือบขาด จากนั้นก็ดึงกิ่งแขนงให้แยกจากลำแม่ ให้เหลือเปลือกเขียวของลำแม่ให้บางที่สุด นำดินที่ใส่ถุงเตรียมไว้พร้อมที่จะตอน กรีดถุงด้านหนึ่งขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าของถุงดินที่จะตอนทิ้งไป(2.5*3.5นิ้ว) นำน้ำยาเร่งรากราดใส่ถุงดินที่จะตอนให้ชุ่ม ดันประกบจากด้านล่างเข้ากับกิ่งแขนง แล้วค่อยใช้เทปดำพันถุงดินที่ตอนให้แน่นเหลือช่องว่างให้น้ำเข้ามาได้ทางด้านบนเวลาร ดน้ำ ใช้เชือกฟางแก้วหรือเทปดำยึดกิ่งแขนงไว้กับลำไผ่กันลมโยก หมั่นรดน้ำให้ชุ่ม 5-10วัน รากจะออกเราควรปล่อยให้รากออกเต็มที่จึงค่อย ตัดกิ่งที่ตอนได้ลงมาเพื่อใส่ถุงชำหลังจากนั้นรอให้กิ่งพันธุ์แตกใบอ่อนแสดงว่ารากเด ินดีแล้วจึงค่อยนำลงแปลงปลูก ก่อนทำการปักชำควรมีการเตรียมดินที่จะนำมาใช้เป็นวัสดุเพาะชำ โดยการย่อยดินและผสมดินกับ(ขี้เถ้าแกลบ+ใยมะพร้าว)ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 โดยประมาณ แล้วตากดินทิ้งไว้ 1-2 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น หลังจากให้นำกิ่งไผ่ที่ตอนแล้วลงถุง ควรกดดินให้แน่นแต่ต้องระวังไม่ให้รากขาด รดน้ำทันทีเพื่อให้กิ่งชำสดอยู่เสมอ
หลังจากนั้นหมั่นดูแลรดน้ำทุกวันหรือวันเว้นวัน จนกระทั่งกิ่งแขนงที่ชำแข็งแรงดีใช้เวลาประมาณ 3-4อาทิตย์ ก็ย้ายลงปลูกในแปลงได้ เพื่อการค้าในปัจจุบันนิยมชำในถุงพลาสติกโดยตรงตั้งแต่แรกเพื่อป้องกันการกระทบกระเท ือนขณะย้ายชำกล้าและสะดวกในการขนย้ายไปปลูกตามที่ต่างๆ ปกตินิยมใช้ถุงขนาด 5 x 8 ปักชำกิ่งไผ่เพื่อให้กิ่งไผ่ที่ตอนมาแตกใบและราก ตัดปลายกิ่งออก ให้กิ่งแขนงที่จะปักชำยาวประมาณ 80 - 100 เซนติเมตร มีข้อติดอยู่ 3-4 ข้อ (สำคัญรากต้องเต็ม)
หากกิ่งตอนที่มีรากเต็มและตัดออกจากลำไผ่ นำมาปลูกปรากฏว่าการฟื้นตัวและการเจริญเติบโตของกิ่งไผ่เร็วมาก ไม่ตาย ขนส่งง่าย และสะดวกในการปลูก




จำหน่ายกล้าไผ่ซางหม่นคุณภาพดี ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนที่สั่ง

085-0418718    คุณสาคร      
081-4907103    คุณชาญยุทธ

สินค้าจากไผ่ซางหม่น

ไผ่ซางหม่นเหมาะมากที่ จะนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ เพราะลำมันเปล้าตรง ความยาวของปล้องประมาณ 30-50 ซม. เป็นไผ่ที่มีลักษณะพิเศษคือ ไม่ค่อยมีกิ่งแขนง ไม่มีหนาม มีพุ่มใบอยู่ที่ปลายยอด

การนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ลุงเขาก็มีกระบวนการนะ มิใช่อยู่ ๆ เอามาทำ งั้นมอดก็แทะเพลินสิ ขอบอกคร่าว ๆ ถึงขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ การคัดเลือกไม้ไผ่ การอาบน้ำยา การผึ่ง การอบ การขูดผิว เจาะรู การประกอบ และการทำสี

เฟอร์นิเจอร์ที่ทำก็มีเตียง เก้าอี้ โซฟา โต๊ะ...



หลังจากนำไม้ไผ่มาตัดตามขนาดที่ต้องการ (ไม้ไผ่ซางหม่น 1 ลำ ยาวประมาณ 20 เมตรขึ้นไป แต่จะนิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ (ชิ้นส่วนหลัก) ประมาณ 10 เมตรเท่านั้น 
(นับจากโคน) ส่วนที่เหลือจะนำมาทำส่วนประกอบอื่นๆ) นำมาแช่น้ำยากันมอดและปลวกประมาณ 5 วัน แล้วนำมาพึ่งลมให้แห้งนานประมาณ 1 เดือน แล้วนำเข้าตู้อบที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส นาน 4-5 วัน จะเหลือความชื้นในเนื้อไม้เพียงประมาณ 10-12 % เพื่อเวลาส่งออกไปยังต่างประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นจะไม่เกิดการยืดและหดตัวของไม้ จากนั้นจึงนำไปลอกผิวโดยเบื้องต้นจะเริ่มจากการใช้มีด และตามด้วยกระดาษทรายขัดอีกหลายครั้ง จนกระทั่งได้ผิวที่เรียบเนียนตามต้องการ ต่อจากนั้นจึงนำมาย้อมสีเพื่อให้ซึมเข้าสู่เนื้อไม้ (ย้อม 2 รอบ) สำหรับการประกอบชิ้นส่วนนั้นจะให้วิธีการเข้าลิ่ม ซึ่งทำให้เฟอร์นิเจอร์คงทน ไม่สั่นคอน (ไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว) ตกแต่งให้สวยงามและเก็บรายละเอียดต่างๆ



จำหน่ายกล้าไผ่ซางหม่นคุณภาพดี ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนที่สั่ง


085-0418718    คุณสาคร      
081-4907103    คุณชาญยุทธ

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การปลูกไผ่ซางหม่น

ไผ่ซางหม่นจะเจริญเติบโต ได้ดีเมื่อผ่านปีที่ 4 ไปเพราะมีไผ่ลำใหญ่เป็นลำแม่ให้หน่อที่มีขนาดใหญ่ แต่หากมีการให้ปุ๋ยให้น้ำที่เหมาะสมก็อาจได้ผลผลิตอย่างมากตั้งแต่ปีที่สามเป็นต้นไป หากต้องการนำลำไม้ไผ่มาใช้ประโยชน์ด้านก่อสร้างหรือทำเครื่องเรือนที่มีราคาแพงควรเลือกลำไม้ไผ่ที่มีอายุ 4 ปีขึ้นไปเพราะลำไผ่ที่แก่มักไม่ถูกรบกวนจากมอดและแมลง ฉะนั้นหากมีวัตถุประสงค์ในการปลูกไผ่เพื่อผลิตทั้งหน่อไม้ และนำไม้ไปทำเฟอร์นิเจอร์ ควรปล่อยหน่อไม้ให้เป็นลำต่อไปโดยตัดกิ่งแขนงเล็ก ๆ บริเวณโคนต้นทิ้งไปเท่านั้น

เมื่ออายุ 2 ปีจะมีหน่อไม้แตกขึ้นมาอีก อาจจะคัดเลือกหน่อไม้ที่มีลักษณะไม่ดีออกไปจำหน่ายบ้าง โดยเลือกหน่อไม้ที่แทรกมาจากดินและมีขนาดใหญ่สมบูรณ์เก็บไว้ให้เป็นต้นใหม่ประมาณ 5-6 หน่อ ฉะนั้นเมื่อขึ้นปีที่ 3 จะมีลำประมาณ 8-10 ลำ

เมื่อครบอายุ 3 ปีจะมีหน่อจำนวนมาก สามารถตัดหน่อออกไปจำหน่ายได้ พอปีที่ 4 เป็นต้นไปก็สามารถตัดลำมาใช้ประโยชน์ได้แล้ว ก็นำมาทำเฟอร์นิเจอร์

ทำความรู้จักกับไผ่ซางหม่น

“ไผ่ซางหม่น” ใครเคยได้ยินชื่อนี้บ้าง...บางคนอาจจะเคย บางคนอาจจะไม่เคย ก็แล้ว “ไผ่ซางนวล” ล่ะ ใครเคยได้ยินชื่อนี้บ้าง... บางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้มากกว่า ไผ่ซางหม่นก็เหมือนกับไผ่ซางนวลแหละ แต่ไผ่ซางหม่นมีขนาดลำใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด ไผ่ซางหม่นจัดเป็นไผ่ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เส้นรอบวงประมาณ 30-50 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 10-15 ซม. สีของลำสีเขียว มีคราบของแป้งสีขาวหรือวงขาวต่าง ๆ หรือสีขาวหม่น ชาวบ้านจึงเรียกว่า “ไผ่ซางหม่น” ตามลักษณะที่เกิดขึ้นของมันนั่นเอง




คนส่วนใหญ่จะรู้จักไผ่ว่าเป็นไม้ป่าสารพัดประโยชน์ เพราะทุกส่วนของไผ่ ไม่ว่าจะเป็น หน่อก็สามารถนำมารับประทานได้ และไม้นำมาใช้ประดิษฐ์แปรรูปเป็นเครื่องเรือน ของใช้ และเฟอร์นิเจอร์ แต่โดยมากไผ่ที่เป็นที่รู้จัก เช่น ไผ่ตง ไผ่หวาน มีน้อยคนที่จะรู้จัก "ไผ่ซางหม่น" เพราะเป็นไผ่ที่พบมากเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ แถบจังหวัดเชียงใหม่ แพร่ ลำปาง และลำพูนเท่านั้น แต่ด้วยลักษณะพิเศษที่ลำมีขนาดใหญ่ ลำตรง แข็งแรง เนื้อไม้หนา สวยงาม ทำให้ไผ่ซางหม่นกลายเป็นที่ต้องการของตลาด ขายได้ราคาดี ราคาจำหน่ายประมาณ 100-300 บาท/ลำ อีกทั้งนิยมนำมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่คุณภาพดี จนเป็นที่ขนานนามว่า "เพชรแห่งล้านนา"

ยากที่จะปฏิเสธได้ว่า 
ไผ่ กลายเป็นไม้เศรษฐกิจที่หลายคนกำลังจับตามอง ด้วยอรรถประโยชน์ การใช้สอยที่ หลากหลาย และสามารถ นำมาสร้างมูลค่า ได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะการทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่ แต่ไม้ไผ่แบบไหนเล่า ถึงจะเหมาะสม กับการทำเฟอร์นิเจอร์

ปัจจุบันมีการปลูกไผ่ซางหม่นในแถบภาคเหนือบริเวณจังหวัดแพร่ ลำพูน ลำปาง และเชียงใหม่ ตอนนี้เกษตรกรกำลังสนใจที่จะขยายพื้นที่ปลูกกันมากขึ้น เนื่องด้วยกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก ทั้งหน่อเพื่อการบริโภคและลำไผ่เพื่อป้อนโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์



ขณะนี้ไผ่ซางหม่นกลายเป็นที่สนใจและต้องการของตลาดมากขึ้น แต่ปัจจุบันการผลิตกล้าไผ่ซางหม่นยังมีน้อย และส่วนใหญ่เกษตรกรที่ปลูกก็มักเป็นการปลูกไผ่ตามบ้านมีเพียงไม่กี่กอ ไม่ได้ทำในเชิงพาณิชย์อย่างจริงจัง ทำให้ไม้ไผ่ซางหม่นขาดตลาด ทั้งที่เป็นไม้ไผ่ที่มีคุณภาพดีกว่าไผ่อื่นๆ อีกหลายชนิด ดังนั้น ศูนย์วิจัยผลิตผลป่าไม้จังหวัดเชียงใหม่ กรมป่าไม้ จึงได้จัดอบรมการเพาะและขยายพันธุ์กล้าไผ่ซางหม่นให้กับเกษตรกรที่สนใจ โดยเฉพาะการชำปล้องที่ถือว่าเป็นการขยายพันธุ์กล้าไผ่ซางหม่นที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด



จำหน่ายกล้าไผ่ซางหม่นคุณภาพดี ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนที่สั่ง


085-0418718    คุณสาคร      
081-4907103    คุณชาญยุทธ

จำหน่ายกล้าไผ่ซางหม่น

จำหน่ายกล้าไผ่ซางหม่นคุณภาพดี ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนที่สั่ง


085-0418718    คุณสาคร      
081-4907103    คุณชาญยุทธ